Cryptocurrency

Blockchain และ Bitcoin

พฤษภาคม 13, 2018

author:

Blockchain และ Bitcoin


Blockchain และ Bitcoin คืออะไร?

Bitcoin คือ สกุลเงินดิจิตอล (Digital Currency) แต่หากบางทวีปในบางประเทศจะเรียกว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิตอล (Digital Asset) ใช้แทนด้วยอักษร BTC เนื่องจากเป็นสิ่งที่มีมูลค่าขึ้นลงตามมูลค่าของตลาดบิทคอยน์ทั่วโลกสามารถแลกเปลี่ยนในโลกออนไลน์และชีวิตจริงได้แต่ไม่สามารถจับต้องได้เพราะอยู่ในรูปแบบสกุลเงินดิจิตอลซึ่งปัจจุบันมีกว่า 1400 Digital Currency มีมูลค่าปัจจุบัน 1 BTC = 8581$ หรือราวๆ 284,750 บ. (13 พค. 2018)เราสามารถทำการสมัคร Wallet โดยมี Address เป็นตัวแทนเลขบัญชีของเราและบัญชีนี้จะทำให้เราสามารถฝากและถอนเงินได้ตามต้องการโดยส่วนมากแล้วนักลงทุนจะสร้างมูลค่าโดยการ ขุดบิทคอยน์ การเทรดการคลิกการซื้อเก็งกำไรหรืออื่นๆตามความถนัดในการลงทุนของแต่ละบุคคล “Blockchain และ Bitcoin”

Blockchain และ Bitcoin

ซึ่งถ้ามองภาพง่ายๆ Bitcoin ก็คือสกุลเงินดิจิตอลตัวแรกบน Blockchain ที่มาพร้อมกันกับเทคโนโลยี Blockchain หากมองภาพรวมบิทคอยน์จะเป็นข้อมูลหรือ Data ที่อยู่บนฐานข้อมูล หรือ Database เทคโนโลยี Blockchain มีมาเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของ Transaction ให้มีความถูกต้องไม่ผิดพลาดปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง

  • Bitcoin ทำงานบนเทคโนโลยี Blockchain
  • Application ทำงานบนเทคโนโลยี Network Infrastructure

เราสามารถโอนเงินจาก Bitcoin Wallet ของนาย A ไปยัง Wallet ของนาย B ได้ อย่างอิสระไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกโดยที่ไม่มีตัวกลางและค่าธรรมเนียมแต่อย่างใดหลายๆประเทศเช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ก็ยอมรับบิทคอยเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ใช้จ่ายได้จริงตามกฎหมายแล้วมีการติดตั้งตู้ ATM ที่รองรับการใช้งานทั่วโลก

Blockchain

Blockchain คืออะไร?

Blockchain คือ ฐานข้อมูล Database ที่จะตรวจสอบการส่งข้อมูลถึงกันได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือสูง โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ครั้งแรกถูกนำมาใช้ในการทำธุรกรรมร่วมกับบิทคอยน์จึงรู้จักคู่กับบิทคอยแทบแยกไม่ออกเทคโนโลยีกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2009 สามารถนำไปใช้ได้กับทุกๆ Platform ที่พัฒนาให้ใช้ร่วมกับ Blockchain ไม่เพียงเฉพาะเจาะจงกับทางด้านการเงินเพียงอย่างเดียว

Blockchain ทำงานอย่างไร?

Blockchain เป็นระบบ Distributed หรือ ระบบกระจายซึ่งระบบนี้ควบคุมได้ยากมากแต่ Blockchain ก็สามารถแก้ไขในส่วนนี้ได้และสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและแม่นยำเมื่อทำการเปรียบเทียบการทำธุรกรรมผ่านระบบรวมศูนย์กลาง หรือ Centralized ซึ่งมีการบริหารจัดการผ่านธนาคารโดยตรงสิ่งที่เกิดขึ้นคือระบบที่มีตัวกลางจะมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่าง ๆ ระบบที่มีตัวกลางเมื่อใช้งานข้ามประเทศค่าธรรมเนียมก็มากขึ้นตาม ๆ กันอีกทั้งยังต้องกรอกข้อมูลยืนยันตัวเองต่างๆมากมาย

Blockchain

ซึ่งแน่นอนว่า Blockchain เป็นระบบ Distributed หรือ ระบบกระจายเป็นการบริหารส่วนบุคคลโดยแต่ละบุคคลจะต้อง สมัคร Wallet ที่ประกอบไปด้วย Address ที่เปรียบเสมือนบัญชีธนาคารของเราใช้ในการรับส่งมูลค่า ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าตัวเลขที่แสดงภายใน Wallet ไม่ได้มีเงินจริงๆแต่เป็นจำนวนเงินที่อ้างอิงมาจาก Transactions ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เราจะถือ Private Key และ Public Key ในการยืนยันการทำรายการซึ่งตัวเลขที่เกิดขึ้นจะเกิดจาก Transactions ที่เกิดขึ้นจริงไม่สามารถทำการแฮกเงินในระบบได้จึงมีความปลอดภัยสูง

Blockchain

เมื่อเราทำการส่งเงินจาก A ไปหา C จำนวน 1 BTC เข้า ระบบจะตรวจสอบการทำธุรกรรมโดยส่ง Transaction ไปให้ทุกคนซึ่งก็คือ B และ D ด้วย เพื่อยืนยันว่า Transaction รายการนี้เกิดขึ้นจริงในระบบ

และเมื่อทำการยืนยัน Approved ว่าเกิดขึ้นจริงระบบก็จะปรับตัวเลขในบัญชี C ให้เพิ่ม 1 BTC และปรับลด A ลง 1 BTC

การทำงานของ Blockchain จะทำการตรวจสอบและเก็บไฟล์ Transactions ไว้ใน Block และทำการตรวจสอบความถูกต้องด้วย Algorithm และเชื่อมโยงกันไปเรื่อยๆเหมือนโซ่โดยทุกคนจะมีเอกสารชุดเดียวกันไม่สามารถคัดลอกหรือปลอมแปลงได้ หากมีการส่ง Transactions เกิดขึ้นจะมีการอัพเดทข้อมูลพร้อมกันจึงมั่นใจว่าข้อมูลที่ส่งไปจะไม่ผิดพลาด เมื่อมีการทำธุรกรรม Transactions ระหว่างบุคคลจึงมีความปลอดภัยสูง ปัจจุบันมีการทำธุรกรรม Total Number of Transactions 12/05/2018 = 315,961,894 Transactions และมีจำนวนสูงขึ้นเรื่อย ๆ

Blockchain จะเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร?

ในอนาคต Blockchain จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างรวมถึงระบบทำธุรกรรมที่มีตัวกลางอย่างเช่น ธนาคาร หรือตัวกลางใด ๆ ในการทำรายการปัจจุบันจะเริ่มเห็นการรับชำระเงินด้วยกระเป๋าบิทคอยน์กันบ้างแล้วร้านค้าออนไลน์จะหันมาใช้บิทคอยน์ในการชำระเงินมากขึ้นเพราะไม่ต้องกรอกเอกสารไม่ต้องกรอกข้อมูลยืนยันตัวตนไม่มีค่าธรรมเนียมในการทำรายการใด ๆ

Blockchain และ Bitcoin

  • อนาคตไม่จำเป็นต้องใช้ธนบัตรอีกต่อไปทุกคนสามารถใช้จ่ายผ่านสกุลเงินดิจิตอลที่สามารถใช้ได้เหมือนกันทั่วโลกไม่ใช่แค่ภายในประเทศ
  • ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินฟรีไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกเราสามารถโอนเงินหากันได้สะดวกเพียงมีมือถือแท็บเลทหรือ Notebook ,PC
  • การทำงานกับต่างประเทศในยุค Digital Marketing สามารถทำงานออนไลน์ได้โดยรับเงินผ่าน กระเป๋าบิทคอยน์ สะดวกไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เหมาะกับ Freelance ทุกมุมโลกที่ต้องการสร้างรายได้
  • ร้านค้าออนไลน์สามารถกำหนดการชำระเงินโดยใช้บิทคอยน์ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มยืนยันตัวตนและสามารถทำได้รวดเร็วโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมในการทำรายการ
  • การตั้งราคาได้ต่ำจะไม่มีข้อจำกัด เช่น หากจ่ายเพียง 50,000 Satoshi รายวันเพื่อแทนการชำระเพื่อดูเป็นรายเดือน
  • Blockchain จะตัดตัวกลางออกไปทุกธุรกิจทั้งวงการนายหน้า อสังหา หุ้น ธนาคาร และอื่น ๆ ทำให้ผู้คนสามารถใช้เงินได้อย่างอิสระมากขึ้น (หากไม่โดนประเทศที่ไม่ยอมรับควบคุมเสียก่อน)
  • แรกๆเราเคยเห็นระบบอินเตอร์เน็ตที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายในโลกจนทุกอย่างสามารถใช้งานได้ฟรีในโลกอินเตอร์เน็ตทั้ง โทรศัพท์ Video call หรือแม้กระทั่ง Social Network ซึ่งแน่นอนว่าเทคโนโลยี Blockchain จะเข้ามาเปลี่ยนขีดจำกัดอิสระภาพในการใช้จ่ายผ่านโลกออนไลน์ในยุค Digital Marketing อย่างเต็มรูปแบบอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามมีนักลงทุนจำนวนมากได้ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีของ Blockchain และสกุลเงินบิทคอยน์มากขึ้นอีกทั้งกระแส FinTech (Financial + Technology)  หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งจะเห็นว่าในไทยเริ่มมี Product ใหม่ออกมาให้เห็นกันบ้างแล้วบอกได้ว่าเป็นยุคที่นักลงทุนทุกคนต้องหันมาศึกษาเทคโนโลยี Blockchain เพื่อให้รู้ว่ามีความปลอดภัยมากกว่าสถาบันการเงินที่มีลักษณะ Centralized ให้คลายข้อสงสัยว่าทำไมระบบ Peer to Peer ถึงมีความถูกต้องหากใช้เทคโนโลยี Blockchain