เทคนิคเทรด Crypto Altcoins บนกระดานเทรด Bx.in.th
เทคนิคเทรดบนกระดาน Bx.in.th
Bx.in.th คืออะไร คือเว็บเทรด Bitcoin ที่มีความน่าเชื่อถือ และ เป็นเจ้าแรกของไทยที่เปิดมานานมากตั้งแแต่สมัยแอดมินพึงรู้จัก Bitcoin เลยก็ว่าได้ด้วยความที่เป็น Thai Crypto Exchange เป็นช่องทางหลักที่นักเทรด Bitcoin ของคนไทยที่สามารถ เทรด หรือ ซื้อขายด้วยเงินบาท (THB) จึงสามารถทำกำไร หรือ สร้างรายได้จาก Crypto ได้ผ่านช่องทางเทรดเหรียญง่ายต่อการลงทุนเทรดที่ประเทศไทย
เราจะลองทำกำไรโดยการเทรดบิทคอยน์บน Bx.in.th กันดูด้วย Technical Analysis เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์โดยใช้ Indicator พื้นฐานที่มีมาบน Platform ของ BX ประกอบเพื่อให้ผู้ที่อ่านบทความนี้สามารถวิเคราะห์การเทรดและทำกำไรได้จริง
สมัครสมาชิกฟรีได้ที่นี้ https://bx.in.th/register/
บทความที่เกี่ยวข้อง

ในการออก Order แต่ละครั้งเราต้องให้คำตอบกับสิ่งต่างๆดังนี้ให้ได้ มิฉะนั้นคุณกำลังเทรดโดยใช้ความรู้สึกและตัวเลขของราคาบางช่วงในการเทรดเท่านั้นโดยมิได้รู้อะไรเลย
1) Trend หลักของสกุลเงินนั้นแนวโน้มในภาพรวมคือขึ้นหรือลง
2) มีสัญญาณการกลับตัวจากข้อ 1 หรือไม่
3) ทำการวิเคราะห์แนวการเทรดของตัวเอง Day trade, Swing Trade
4) จงเทรดใน Timeframe ใหญ่ๆ ที่มีความแม่นยำมากกว่า Timeframe เล็ก หากยังไม่มีประสบการณ์
สอนเทรด Bitcoin ด้วยการลากเส้น Trendline
การเทรดที่แม่นยำที่สุดในตอนนี้คือการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือเป็นหลักแต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าต้องพึ่ง Indicator ในการชี้วัดเพราะ Indicator เป็นข้อมูลที่เกิดหลังราคาปัจจุบันแต่เรานำมาวิเคราะห์หาจุดเข้าออกที่ได้เปรียบได้ซึ่งเราต้องอธิบายได้ว่าการเข้า Order แต่ละครั้งนั้นมาจากเหตุผลใดเราจะทำการเทรดโดยใช้การวิเคราะห์ทาง Technical ประกอบดังต่อไปนี้
วิธีดูกราฟ Bitcoin ด้วยแผนภูมิ
bx.in.th มีวิธีดูกราฟด้วยแผนภูมิสามารถลากเส้นด้วยเครื่องมือที่ใช้งานง่ายด้วยความที่เป็น Thai crypto exchange เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับดูกราฟ Bitcoin จำเป็นต้องมีอย่างแน่นอนครับ
1. เข้าไป ดูแผนภูมิอย่างละเอียด เราจะพบแผนภูมิราคาเทรดดิ้ง (Thai Baht เป็น Bitcoin) ในส่วนนี้เราสามารถใช้ Technical ในการวิเคราะห์ได้อย่างครบถ้วน
https://bx.in.th/charts/THB/BTC/

2. ลากเส้น Trendline ผ่านจุด 2 จุด เพื่อหาเทรนด์หลัก D1 และ H4 เราจะได้ Down Trend

การลากเส้น Support / Resistance
เราสามารถทำการลากเส้น Support / Resistance ได้โดยอาจลากเป็นแนวขนานหรือลากผ่านจุด 2
จุดเพื่อเป็นตัวกำหนดจุดทดสอบตามความหมายดังนี้
Support = ราคา ณ จุดที่ 1 มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดที่ 2
Resistance = ราคา ณ จุดที่ 1 (จุดสูงสุด) มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดที่ 2

การใช้ Indicator เพื่อเทรด Bitcoin
เราจะมาลองใช้ Indicator ที่บ่งบอก Trend และจุดเข้า ซื้อ-ขาย โดยอาจเลือก Indicator ใช้งานสัก 1-2 ตัว สำหรับผู้เริ่มต้นไม่ควรใช้จนเยอะไปเพราะจะทำให้สับสนมากเกินไปสำหรับจุดเข้า ซื้อ-ขาย หากรู้ Technical อื่น ๆ อาจไม่ต้องใช้ Indicator เลยแต่จะใช้การตีเส้นเพื่อวิเคราะห์ราคาร่วมกับการดู Pattern Candlestick ,Price Action หรือ Elliot wave เป็นต้นซึ่งมาลองดูวิธีการใช้ Indicator เพื่อกำหนดจุด Buy-Sell และจุด Entry กัน
• Bollinger Bands = แนวโน้ม แนวรับแนวต้าน ความผันผวนของราคาจุดเข้าซื้อ-ขาย
• MACD = บ่งบอกโมเมนตัมและจุดเข้าซื้อ-ขาย
• ADX = บ่งบอกเทรนด์และจุดเข้าซื้อ-ขาย
เราสามารถเพิ่ม Indicator และหลักการใช้งานได้ดังต่อไปนี้

การใช้ MACD
1.1) ทำการเพิ่ม MACD เข้าไปในกราฟราคาด้านล่าง เราสามารถตั้งค่าได้ดังรูป

1.2) หาจุดเข้า ซื้อ – ขาย โดยใช้เส้นตัด Signal และ MACD โดยหากเราพิจารณา Timeframe H4 จะพบว่าเราจะได้จุด Sell ที่แม่นยำ 2 จุด ตามหลักการวิเคราะห์ดังนี้
• จุดที่ 1 เราจะเห็นว่าราคาไม่ New High ลพิจารณา MACD Signal ตัด 0 ลงมา ประกอบกับ Volume ที่ลดลงมาอย่างมาก Signal และ MACD ถ่างออกเทรนด์ลง
• จุดที่ 2 ราคาไม่ New High ลพิจารณา MACD Signal ตัด 0 ลงมา ประกอบกับ Volume ที่ลดลงมาอย่างมาก Signal และ MACD ถ่างออก ในเทรนด์ขาลง

1.3) เงื่อนไขของ MACD ที่ค่อนข้างแม่นยำ หากใช้คู่กับการอ่านแท่งเทียนก็จะได้ผลที่แม่นยำมาก สามารถทำการ Buy – Sell ได้ในหน้า การค้าขาย หรือ Trading
การใช้ Bollinger Bands
2.1) Bollinger Bands เราสามารถเทรดโดยดูการ Swing ของกราฟราคาเป็นหลักโดยมีเส้น BB Average เป็นตัวแบ่งค่าเฉลี่ย BB TOP (เป็นแนวต้าน) และ BB BOTTOM (เป็นแนวรับ) ให้ทำการเพิ่ม Indicator Bollinger Bands และ Bollinger Bands %B ดังรูป

2.2) เมื่อเราได้จุดเข้าทำกำไรไปที่หน้า Trading เพื่อทำการซื้อขายได้เลย
• แนวโน้ม = ให้พิจารณา ตัวอย่างฝั่ง B ซึ่งป็นเทรนด์ขาลง หากเราใช้ Bollinger Bands เพื่อหา Trend จะพบว่าราคาจะไม่ค่อยทะลุ BB Average ขึ้นไปได้บ่งบอกเป็น Down Trend
• Overbought, oversold = สามารถ Sell และ Buy ได้จาก สัญญาณซื้อมากเกินไป Overbought ให้ทำการ Sell สัญญาณขายมากเกินไป Oversold ให้ทำการ Buy

2.3) Overbought, Oversold จะแม่นยำแค่ไหนต้องคำนึงถึง Momentum ความแรงของ Trend นั้นๆด้วยฝั่ง A จะเป็น Uptrend ไม้ที่ได้เปรียบคือการ Buy ใน Oversold ด้วยฝั่ง B จะเป็น Downtrend ไม้ที่ได้เปรียบคือการ Sell ใน Overbought
การใช้ ADX
3.1) ให้เข้าไปที่ Indicator เลือก Directional Movement เราจะเห็นว่า ADX ประกอบไปด้วยเส้น 3 เส้น ซึ่งมีความหมายดังนี้
+DI = บอกทิศทางของแรงซื้อ Buy
ADX = เป็นเส้นความแรงของราคา โดยมีเส้น 20 แบ่งกลาง (20-25 Sideway) (25-50 มีแนวโน้ม ปรากฎ Pattern ที่มี Breakout) (70 ขึ้นไปแนวโน้มที่ชัดเจน)
-DI = บอกทิศทางของแรงขาย Sell

ADX ตีคู่ไปกับ +DI = จะมีเทรนด์ขาขึ้น
ความแรงแบ่งเป็น 3 ระดับ (20-25 Sideway) (25-50 มีแนวโน้ม ปรากฎ Pattern ที่มี Breakout) (70 ขึ้นไปแนวโน้มที่ชัดเจน)
ADX ตีคู่ไปกับ -DI = จะมีเทรนด์ขาลง
ความแรงแบ่งเป็น 3 ระดับ (20-25 Sideway) (25-50 มีแนวโน้ม ปรากฎ Pattern ที่มี Breakout) (70 ขึ้นไปแนวโน้มที่ชัดเจน)
3.2) เมื่อเราพิจารณาว่าเป็น Downtrend น้ำหนักในการออก Order นั้นจะมีความแม่นยำมากขึ้นหากถือไม้ Sell
ฝั่ง A จากรูปจะเห็นว่าความแรงของราคา ADX เมื่อตีคู่ไปกับ +DI เกิดการซื้อสูงในเทรนด์ขาขึ้น
ฝั่ง B จากรูปจะเห็นว่าความแรงของราคา ADX เมื่อตีคู่ไปกับ -DI เกิดการเทขายสูงในเทรนด์ขาลง

นี่คือเทคนิคการเทรดเพื่อทำกำไรเบื้องต้น สำหรับผู้เริ่มต้นที่ยังดูราคาเพียงในตารางซื้อขายอยู่ หากหันมาเรียนรู้ Technical ในการเทรดมากขึ้น ก็จะมีวิธีการและโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้นในระดับสูงต่อไป